25 สิงหาคม ค.ศ. 1853, วิคตอเรีย – ออสเตรเลีย
กลุ่มหมอกที่ปกคลุมไปทั่วบริเวณมาตั้งแต่กลางดึกเริ่มจางลงในตอนฟ้าสาง
แต่ยังไม่ทันที่นายเรือหนุ่มจะได้โล่งใจหลังจากเฝ้าระวังสถานการณ์มาทั้งคืน เขาก็ต้องตระหนกกับภาพที่เห็นตรงหน้า
เรือของเขากำลังแล่นไปด้วยความเร็วคงที่มุ่งตรงสู่หน้าผาหินชายฝั่ง
ซึ่งหากไม่สามารถหันหัวเรือกลับไปสู่ร่องน้ำเดินเรือได้ทันท่วงที ชายหนุ่มรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้น...
และเขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้!
“ขึ้นใบเรือทุกใบ
เดี๋ยวนี้!” นายเรือหนุ่มตะโกนสั่งลูกเรือบนดาดฟ้าเสียงดัง ขณะเข้าประจำที่หลังพังงาเรือ
พยายามบังคับเรือให้หันหัวกลับสู่ทะเลอย่างเต็มความสามารถ
เขาต้องทำได้...
เขาจะปล่อยให้เรือชนหน้าผาไม่ได้...
ลูกเรือเกือบสามสิบชีวิตวิ่งวุ่นบนดาดฟ้าเรือ
เสียงชักใบเรือขึ้นสู่เสากระโดงของเรือใบขนาดใหญ่ดังโคล้งเคล้ง
สลับกับเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของชายฉกรรจ์ที่วิ่งไปมา พยายามช่วยกันนำพาเรือใบลำใหญ่หันกลับสู่ความปลอดภัยตามคำสั่งของนายเรือที่ตอนนี้บังคับพังงาอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเกินแก้เสียแล้ว...
“ทอดสมอเดี๋ยวนี้!!”
เขาตะโกนสั่งลูกเรือด้วยน้ำเสียงร้อนรน
หลังจากพยายามจนสุดความสามารถแล้วแต่ไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าได้
จึงเหลือเพียงทางเลือกสุดท้ายที่อาจจะยังมีโอกาสรอด นั่นคือทอดสมอเพื่อหยุดเรือไม่ให้แล่นไปข้างหน้า
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจช้าไป เพราะในขณะที่สมอกำลังถูกปล่อยลงสู่ผืนน้ำ
ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงกระแทกรุนแรง มองเห็นเรือแตกเป็นเสี่ยง ๆ
น้ำทะเลทะลักเข้ามาในลำเรือในทันที ลูกเรืออยู่ในอาการตระหนกและขวัญเสีย
วิ่งวุ่นอย่างไร้ทิศทาง
นายเรือหนุ่มหลับตาลงอย่างปวดร้าวเมื่อมองเห็นภาพตรงหน้า
เขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว เขาไม่มีความสามารถพอที่จะเป็นนายเรืออย่างที่คนครหาจริง
ๆ เขาไม่สามารถพาเรือและชีวิตของลูกเรือออกไปจากวิกฤติที่เกิดขึ้นได้ ตอนนี้คงมีเพียงอย่างเดียวที่เขาพอจะทำได้...
สั่งการครั้งสุดท้ายในฐานะนายเรือ...
“ทุกคนตั้งสติ
เอาเรือยาวออก ลงเรือยาวให้หมดทุกคนก่อนที่เรือจะจม” สิ้นคำสั่ง
ลูกเรือวิ่งไปยังจุดเก็บเรือยาว ผ่อนเรือลงน้ำ และกระโดดลงไปบนเรือตามคำสั่งของนายเรือในทันที
“ไปด้วยกันนะครับกัปตัน”
ต้นเรือที่ยืนอยู่ไม่ห่างกล่าว หากชายหนุ่มส่ายหน้า
“เป็นหน้าที่ฉันที่จะทำทุกสิ่งให้แน่ใจว่าทุกคนลงเรือยาวเรียบร้อย
ฉันเป็นกัปตัน ต้องเป็นคนสุดท้ายที่จะทิ้งเรือ ขอให้โชคดีเอ็ดวิน หากฉันรอดชีวิต
เราคงได้พบกันอีก”
ยังไม่ทันที่ต้นเรือจะได้พูดอะไรต่อ
ชายหนุ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างกระแทกเข้ากับลำเรืออีกครั้ง
แรงกระแทกส่งให้เขาลอยละลิ่วตกลงไปในทะเลเบื้องล่าง และเมื่อโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำอีกครั้งนั้น
เขามองเห็นเรือลำใหญ่ที่กำลังจมลงช้า ๆ อยู่ไม่ไกลวูบหายไปต่อหน้าต่อตาราวกับถูกดูดด้วยอะไรบางอย่าง
ก่อนที่ตัวเขาเองจะถูกคลื่นลูกโตกระแทกให้จมลงไปใต้น้ำอีกครั้ง
นายเรือหนุ่มพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
แต่น้ำทะเลเย็นเฉียบในฤดูหนาวที่หนาวเย็นใกล้จุดเยือกแข็ง
อีกทั้งคลื่นลูกใหญ่ที่กดเขาลงสู่ใต้น้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ชายหนุ่มหมดแรงในที่สุด
ขณะกำลังจะหมดสติ
นายเรือหนุ่มยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยหัวใจรวดร้าว
เรือภายใต้การกำกับการของเขาล่มตั้งแต่เที่ยวแรก
เขาไม่สามารถนำเรือและลูกเรือกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัยได้ ในฐานะนายเรือ
ไม่มีสิ่งใดที่เขาจะภูมิใจได้เลย... นอกจาก...
เขากำลังจะตายในทะเล...
สมศักดิ์ศรีชาวเรือ...
น่าติดตาม-เหมียว
ReplyDeleteเปิดตัวได้ตื่นเต้นมากค่ะคุณ
ReplyDeleteแนน
ขอโทษที่แสดงความรู้สึกตรงน่ะค่ะ เพียงต้องการเสนอความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมา เพื่อผู้เขียนค่ะ
ReplyDeleteบทนำให้รายละเอียดตัวละครนำชายมาก ทำให้รู้สึกเหมือนถูกลดทอนการถ่ายทอดอารมณ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ทำให้ไม่ได้รู้สึกอยากติดตามอ่าน หรือค้นหาเรื่องราวต่อจากในหนังสือมากนักค่ะ
อัง